Web
                        Analytics
สรุปสถานการณ์การลงทุน วันที่ 16/12/2019

สรุปสถานการณ์การลงทุน วันที่ 16/12/2019

16 Dec 2019   |    1211


Global Economy

[Trade war] ฝั่งรัฐบาลสหรัฐ-จีนเปิดเผยตรงกันว่า ทั้ง 2 ประเทศได้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟส 1 แล้ว โดยในรายละเอียดคือ

- ฝั่งสหรัฐอเมริกา

1. เลื่อนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับจีนในรอบที่ 4.2 (รอบสุดท้าย) วงเงิน 1.6 แสนล้านเหรียญอัตราภาษี 15% (เดิมจะมีกำหนดขึ้นภาษีในวันที่ 15 ธ.ค. 2562) ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

2. ลดอัตราภาษีนำเข้าจีนในรอบที่ 4.1 วงเงิน 1.1 แสนล้านเหรียญ ลงครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้อัตราภาษีเหลือ 7.5% (เดิมเก็บ 15%) แต่การขึ้นภาษีในรอบ 1-3 วงเงินรวม 2.5 แสนล้านเหรียญ ยังคงที่ 25% ตามเดิม

- ฝั่งจีน จะกลับมานำเข้าสินค้าจากสหรัฐในวงเงินไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านเหรียญ ในเวลา 2 ปี และกลับมานำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ราว 5 หมื่นล้านเหรียญ

ทั้งนี้ข้อตกลงการค้าข้างต้นจะมีผลใน 30 วันนับจากวันที่ทั้ง 2 ประเทศลงนามเซ็นสัญญาสงบศึก ซึ่งสหรัฐเผย คือ สัปดาห์แรก ม.ค. 2563คือ จะทำให้มีผล ต้นเดือน ก.พ. 2563 ส่วน Phase 2 deal คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ ภายหลังการลงนามเฟส 1 เสร็จสิ้น

[Brexit] พรรคคอนเซอร์เวทีฟชนะการเลือกตั้งทั่วไป ได้คะแนนเสียงช้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้ นายบอริส จอห์สัน เป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่อง เพื่อดำเนินกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ “เบร็กซิต” ได้ตามแผนการเดิมให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ม.ค. 2020 ช่วยให้ความเสี่ยง No Deal Brexit ลดลง

[FED] ธนาคารกลางสหรัฐคงดอกเบี้ยและส่งสัญญาณว่าจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่อง ส่งผลให้ Dot Plot ปรับลดลง

[North America] สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโกลงนามในสัญญาการค้าฉบับใหม่ ซึ่งทดแทน NAFTA ฉบับเดิมที่ทางสหรัฐชี้ว่าทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมสร้างความสูญเสียต่องาน Manufacturing ในสหรัฐ

[China] ธนาคารกลางจีนกำหนดมาตรฐาน D-SIBS (Domestic Systematically Important Bank) สำหรับ 10 ธนาคาร ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ G-SIBS มาตรฐานโลก มาตรการดังกล่าวเพื่อรักษาเสถียรภาพระบบการเงินของธนาคารในจีน

Thailand Economy

S&P ปรับ Outlook Credit rating ไทย เป็น “เชิงบวก” ส่งผลต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทยให้เชิงบวก

ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เสนอเรื่องโครงการรีไฟแนนซ์หนี้บัตรของลูกหนี้ที่มีประวัติผ่อนชำระดีไปที่กระทรวงการคลัง ช่วยบรรเทาภาระ ทางเราประเมินเป็นหนึ่งในนโยบายเปรียบเทียบกับการลดดอกเบี้ยในลักษณะ Microprudential

กระทรวงมหาดไทยแจ้งเลื่อนบังคับใช้พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 จากเดิมจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 โดยเลื่อนกรอบเวลาชำระภาษีออกไปเป็นภายในเดือนสิงหาคม 2563 เนื่องจากการจัดทำกฎหมายลูกยังไม่แล้วเสร็จ

กรอบการลงทุน

ดัชนี SET ณ สิ้นวันศุกร์ อยู่ที่ระดับ 1573.91 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1591.86 จุด ปรับตัว -1.12% ปรับขึ้นยืนเหนือแนวรับ 1570 หลังปรับตัวลดต่ำสุดที่ 1546

คาดหวังแรงซื้อจากกองทุน LTF ซึ่งนักลงทุนจะซื้อกองทุนในช่วง 1-2 เดือนท้ายของปี พยุงดัชนีตลาดหลักทรัพย์

สังเกตุนักลงทุนสถาบันจะสะสมเงินและเข้าซื้อหุ้นเมื่อมีความแน่นอนในพัฒนาการเชิงบวกของเศรษฐกิจไทยและสงครามการค้า

การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความชัดเจนขึ้นชั่วคราว แต่ยังสามารถคาดหวังเชิงบวกได้จนถึงการเลือกตั้งสหรัฐในปีหน้าปี 2020

แนวต้านระยะสั้น คือ 1750,1716,1677,1650,1570 แนวรับระยะสั้นคือ 1545,1525 (กรอบ Correction)

ในระยะกลาง แนวรับสำคัญมากคือ 1570+-10, และแนวต้านที่ 1770


Share this article: